เท่าทันจิตก็เท่าทันทุกข์
เพิ่มไปรายการที่ชอบ
เท่าทันจิตก็เท่าทันทุกข์
อ่านเล่มนี้ ฟรี!
เพียงมีแพ็กเกจ Buffet Premium
ราคา
GET FREE
เกี่ยวกับ
หนังสือ "เท่าทันจิตก็เท่าทันทุกข์" นี้คือคู่มือที่จะช่วยให้เราเข้าใจลักษณะการดำเนินไปในแต่ละขณะๆของจิตเราได้ง่ายและชัดเจนขึ้น ซึ่งเมื่อเราสามารถเข้าใจในขบวนการทางจิต(สายปฏิจจสมุปบาท)นี้ได้แล้ว เราก็จะสามารถฝึกฝนที่จะเท่าทันจิตของเรา และควบคุมมันให้ดำเนินไปในแนวทางที่จะช่วยให้เราพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายได้ ซึ่งความสำคัญของการที่เราจะต้องเร่งทำความเข้าใจกับขบวนการทางจิตของการเกิดขึ้นและดับไปของความทุกข์ทั้งหลายของเราหรือสายปฏิจจสมุปบาทนี้ให้ได้นั้น ก็เพื่อที่จะทำให้เราสามารถเข้าใจขั้นตอนต่างๆที่กำลังทำให้เราต้องเกิดมีความทุกข์ในแต่ละขณะๆนั้นขึ้นมาในแต่ละวันให้ได้นั่นเอง ซึ่งเมื่อเราสามารถเข้าใจขั้นตอนกลไกต่างๆทางจิตที่ทำให้เราต้องเกิดมีความทุกข์ขึ้นมาได้แล้ว เราก็จะค่อยๆสามารถหยุดหรือตัดขาดขั้นตอนในขบวนการนั้นๆลงได้ และผลที่จะตามมาก็คือเมื่อขบวนการของการเกิดทุกข์นั้นถูกเราตัดขาดลง สายเกิดแห่งความทุกข์สายนั้นก็จะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าเราก็จะไม่ต้องมีความทุกข์แบบนั้นเกิดขึ้นมาได้อีก ซึ่งถ้าเราสามารถเท่าทันจิตของเราและสามารถตัดสายเกิดแห่งทุกข์ในลักษณะเช่นนั้นลงได้ในทุกครั้งที่เกิดผัสสะและมีทุกขเวทนาแบบนั้นเกิดขึ้น เช่น เราไม่ชอบที่จะเห็นภาพบ้านเลอะเทอะ ไม่เป็นระเบียบ และทุกครั้งที่เราเห็นภาพเช่นนั้น เราก็จะมีความขุ่นเคืองใจเกิดขึ้น และก็ต้องไปต่อว่าคนที่ทำบ้านเลอะเทอะเปอะเปื้อน จนทำให้ต้องทะเลาะกันไป แต่เมื่อเราค่อยๆเข้าใจในเรื่องของเหตุปัจจัยที่แท้จริงแล้วว่า “เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี” เรื่องเช่นนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มันมีเหตุปัจจัยที่เราได้เคยไปร่วมสร้างเหตุเช่นนี้มาก่อน เราจึงต้องมาพบเจอ หรืออยู่ในสภาพเช่นนี้ เมื่อเข้าใจได้เช่นนี้และทำตามวิธีที่พระพุทธองค์ท่านทรงสอน คือให้นิ่งเสียและไม่แม้แต่จะคิดไม่ดีกับผู้ที่ทำบ้านเลอะนั้น และก็จัดการทำความสะอาดไปตามหน้าที่หรือเท่าที่เราต้องใช้พื้นที่ตรงนั้น ด้วยจิตที่สงบนิ่งไม่คิดไม่ดีอะไรๆออกไป เมื่อเราสามารถเอาชนะใจของเราโดยไม่แม้แต่จะก่อวจีกรรมใดๆออกไป วิบากกรรมเก่าจากภาพเช่นนั้นก็จะค่อยๆหมดลงไปๆได้เองโดยเร็ว แต่ถ้าเรายังจะปล่อยใจตัวเองไปตามความอยากที่จะคิดไม่ดี พูดไม่ดีต่อใครออกไป วิบากกรรมเช่นนั้นก็จะยืดเยื้อต่อไปด้วยเช่นกัน
โดยวิธีที่จะตัดตอนเจ้าขบวนการเกิดทุกข์นี้ลงให้ได้อย่างเด็ดขาดนั้นจะต้องเริ่มจากการที่เราจะต้องมีสติระลึกรู้ให้ทันขณะที่ความทุกข์จากการเห็นภาพหรือได้ยินเสียง ฯลฯ ที่เราไม่ชอบนั้นว่ามันกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นอยู่ภายในใจนั้นให้ได้เสียก่อน ซึ่งขั้นตอนนี้ก็คือการเท่าทันจิตของเราให้ได้ก่อนนั่นเอง ซึ่งการที่เราจะมีสติระลึกรู้ให้ได้ทันหรือได้ไวนั้นก็ต้องเริ่มจากการที่เราจะต้องฝึกรักษาศีล(เพื่อควบคุมกายและวาจาให้อยู่ในกรอบ)และฝึกสมาธิให้จิตตั้งมั่น(เพื่ออบรมจิตให้รู้จักตั้งมั่นอยู่แต่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานพอ) จากนั้นก็ฝึกฝนในการที่จะฝืนใจตัวเองให้ “ละ” ความอยากที่กำลังเกิดมีขึ้นหลังจากที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเริ่มเป็นทุกข์นั้นลงให้ได้ด้วยปัญญาญาณ ที่เข้าใจในเรื่องของเหตุปัจจัย ไม่ใช่ด้วยการกดข่มอารมณ์ เช่น เมื่อเห็นภาพที่ไม่ชอบ เราก็จะเริ่มเป็นทุกข์ คือหงุดหงิดใจว่าทำไมฉันต้องเป็นคนมาทำความสะอาดให้ตลอดเลยนะ โดยถ้าเราได้ฝึกฝนและเพิ่มพูนปัญญาญาณในการ “ละ” ความอยากของเราที่จะไปต่อว่าผู้ที่ทำบ้านเลอะเทอะ (ความอยากเป็นเหตุแห่งทุกข์ตัวจริง) ในขณะนั้นลงให้ได้ โดยรีบน้อมนำคำสอนของพระศาสดามาใช้ให้ทันว่า “ที่มันเป็นเช่นนี้เพราะมันเป็นเหตุปัจจัยที่มันจะต้องเป็นเช่นนี้เท่านั้น ไม่มีใครแกล้งเรา หรือต่อให้เขาจะแกล้งจริงแต่เราไม่สนใจ ไม่ตอบโต้ด้วย โดยตั้งใจทำหน้าที่ของเราให้ดีเท่านั้นด้วยจิตที่สะอาด สว่าง สงบ ไม่คิดไม่ดีกับใคร อะไร เช่นนี้สายเกิดแห่งทุกข์ทั้งหลายก็จะถูกเราตัดขาดตอนลงได้ในทุกๆสาย และเป็นการทำให้วิบากกรรมที่เป็นทุกข์จากการเห็นภาพเช่นนั้นมันจบลงได้โดยเร็วด้วย เพราะอีกไม่นานเราก็จะไม่ต้องเห็นภาพที่ทำให้รำคาญตาหรือใจของเราอีกแล้วและตลอดไปถ้าเรารู้จักสำรวมอินทรีย์ของเราโดยไม่เผลอไปทำให้ใครต้องเกิดความรำคาญตาหรือใจจากภาพแบบนี้ขึ้นมาอีก
หนังสือ “เท่าทันจิตก็เท่าทันทุกข์” นี้เป็นเหตุการณ์จริงของผู้เขียนที่ได้นำความรู้ความเข้าใจในสายเกิดและสายดับไปแห่งทุกข์หรือสายปฏิจจสมุปบาทมาทดลองใช้ในขณะที่ผู้เขียนกำลังจะเกิดมีความทุกข์ภายในใจขึ้นในแต่ละขณะๆ ทั้งจากภาพ เสียง ฯลฯ จากบุคคลต่างๆ และก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่งเพราะผู้เขียนสามารถตัดสายเกิดแห่งทุกข์ที่กำลังมาก่อตัวขึ้นทุกๆสายในขณะนั้นๆลงได้อย่างสิ้นซาก คือไม่มีความทุกข์ใดๆจากเหตุการณ์นั้นๆมาแอบแฝงอยู่ในจิตจนทำให้ผู้เขียนต้องรู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมาได้อีกเมื่อย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์นั้นๆเข้า แม้ว่าบางเหตุการณ์ผู้เขียนก็มีเผลอหลุดวจีกรรมออกไปบ้างในขณะนั้น แต่ก็นับว่าเล็กน้อยมากถ้าเทียบกับในสมัยก่อนๆ ที่เป็นดังนี้เพราะความเพียรที่ผู้เขียนได้พยายามไม่ปล่อยให้ตัวเองหลงไปทำตามความอยากที่จะตอบโต้ใดๆออกไปนั่นเอง
รายละเอียด
วันวางขาย :
จำนวนหน้า : 97 หน้า
ประเภทไฟล์ : PDF
ขนาดไฟล์ : 11.47 MB
ประเทศ : TH
ภาษา : Thai
จากสำนักพิมพ์ Patidja.555
กำลังโหลด ...