“สายลม รอยทราย ในทุ่งกาล” เป็นนวนิยายเยาวชนแนวสมจริง หล่อหลอมจากประสบการณ์ของผู้เขียนและจินตนาการผสมผสานกัน มีเนื้อหาจำนวน ๒๐ ตอน คำว่า สายลมหมายถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รอยทรายหมายถึงประวัติศาสตร์ของชุมชนชายแดน ในทุ่งกาลหมายถึงวิถีท้องถิ่นชายแดนที่กำลังเป็นไปตามกาลเวลาแห่งปัจจุบัน แก่นหลัก: สะท้อนภาพผู้คนในสามช่วงอายุคน(รุ่นปู่ รุ่นพ่อ รุ่นตัวละครเอก) โดยอาศัยคนรุ่นปัจจุบันเดินเรื่องไปตามวิถีแห่งชายแดนตะวันออกท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงแห่งเทคโนโลยี วิถีชีวิตและการต่อสู้ดิ้นรนของเด็กชายแดนยุคใหม่ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน แก่นรอง ๑) วิถีแห่งความพอเพียงของชายแดนตะวันออก ๒) เพลงลูกทุ่งและลูกกรุงดั้งเดิมของไทย ๓) สภาวการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาทั้งอดีตและปัจจุบัน และ ๔) ศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่น การดำเนินเนื้อเรื่อง เริ่มจากคำน้อยตัวละครหลัก (ผู้เป็นลูกชายของพ่อคำใหญ่ที่มีเชื้อสายชาวลาวกับแม่สำลี) กำลังธงเบ็ดและพบกับเขียวผู้เป็นตัวร้ายค้าของผิดกฎหมาย(ยาเสพติด) และยังเป็นหัวหน้าขบวนการนำรถส่งขายเขมร เขียวคิดจะอุ้มคำน้อยไปฆ่าในเขมรแต่ก็รอดมาได้เมื่อพ่อคำใหญ่พาซ่อนตัว คำน้อยมักโดนพลลูกชายกำนันเจริญผู้เป็นเจ้าของนามสกุลที่พวกเขาใช้อยู่รังแกเอาเสมอ นอกจากนั้นยังมีพัชรีลูกสาวกำนันเป็นผู้ที่คอยช่วยคำน้อยหากโดนพล(ผู้เป็นพี่ชาย) รังแก การเดินเรื่องจะสอดแทรกประวัติศาสตร์ อ้างถึงบุคคลรุ่นปู่และรุ่นพ่อที่ต้องต่อสู้กับการรุกรานของเขมรแดงและการหลบหนีกระสุนปืนใหญ่ในยุคเขมรเฮง สัมรินเข้าประชิดชายแดน เชื่อมโยงมาหาปัจจุบันที่เขียวยังเป็นผู้ร้ายที่ทุกคนสงสัยว่ากำนันร่วมมือด้วยหรือไม่ แต่สุดท้ายแม่สำลีไปบอกแม่สำเภา(เมียกำนัน) กำนันฯ จึงได้รู้ความจริง จึงได้ช่วยกันตามจับเขียว แต่ครั้นตามจับมาได้ เขียวกลับหาอุบายหลุดรอด และจับทั้งคำน้อยและพัชรีข้ามฝั่งเขมรพาตะลุยดงกับระเบิด ในช่วงที่โดนเขียวจับไปคำน้อยหาทางช่วยให้พัชรีกลับมาอย่างปลอดภัยแต่ตัวเองต้องเผชิญอันตรายเพียงลำพังจนแทบไม่รอด เจ้าหน้าที่และกำนันต่างร่วมมือกันตามจับเขียวและเพื่อนๆ ได้อีกครั้ง เมื่อเด็กทั้งคู่กลับคืนมาอย่างปลอดภัย ความรักความสามัคคีกันจึงเกิดขึ้นในหมู่บ้าน ทำให้ครอบครัวของคำน้อยได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง ในตอนท้ายของเรื่อง เมื่อคำน้อยเรียนจบชั้นมัธยมแล้ว ต้องเดินทางออกไปหางานทำยังต่างถิ่นเช่นผู้คนในยุคพ่อซึ่งเป็นเช่นนี้มาตลอด โดยสะท้อนภาพดังกล่าวผ่านครูชื่น นอกจากตัวละครหลักแล้วยังมีเพื่อนของคำน้อยคือสำราญเพื่อนสนิทชาวไทยและเมือนเพื่อนสนิทชาวเขมร ตวน(พ่อของเมือน) คำกอง คำหล้า ลออผู้เป็นน้องๆ ของตัวละครหลัก ครูชื่น พระอาจารย์ยืน หลวงพี่ประยูร อังแก๊บ(เพื่อนของเขียว) และชาวบ้านคนอื่นๆ เป็นตัวละครร่วมดำเนินเรื่อง สอดแทรกผลกระทบของเขตเศรษฐกิจพิเศษ ประชาคมอาเซียน เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ตามแนวชายแดน และสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่ชาวบ้านประกาศขายที่นาราคาไร่ละล้านด้วยความอยากเป็นเศรษฐี ทั้งหมดที่นำเสนอในวรรณกรรมนี้ คือความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่อยากให้เกิดสิ่งดีๆ สร้างสรรค์ มิได้มีเจตนาในการทำร้าย ทำลาย หรือสร้างแนวคิดที่ไม่ดีให้กับเยาวชน หรือแม้แต่ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศแต่อย่างใด