ตามรักชุลมุน
เพิ่มไปรายการที่ชอบ
ตามรักชุลมุน
ราคา
ซื้อฉบับนี้ : 239.00 ฿
เกี่ยวกับ
1...
“ผมรู้จักกับเธอตอนที่พวกเรากำลังจะขึ้นชั้น ม.ศ. 5 กัน ตอนนั้นพวกเราถือว่าเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายที่เรียกกันว่า ม.ศ. รุ่นสุดท้าย ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น ม. เฉยๆดังเช่นในปัจจุบันนี้...”
ในขณะที่หลับตาอยู่องอาจก็ค่อยๆเริ่มสาธยายเรื่องราวแห่งความหลังครั้งเก่านี้อย่างช้าๆแผ่นหลังที่อวบหนาเอนทาบอยู่บนเบาะโซฟาที่เป็นลักษณะของเตียงนอนนี้ด้วยท่าทีผ่อนคลายสบายๆ ให้กับจิตแพทย์ผู้มีผมสีดอกเลาผู้นั้นฟังไปด้วย
“ต่อเลยครับคุณองอาจผมกำลังฟังอยู่”
จิตแพทย์วัยกลางคนซึ่งนั่งไขว่ห้างฟังอยู่ด้านข้างขององอาจผายมือมือขวาบอกให้คนไข้หนุ่มเล่าเรื่องราวของตนเองต่อทันทีที่เขาหยุดการพูดไปเฉยๆซะหยั่งงั้นเอง ขณะที่มือซ้ายที่ถือเครื่องอัดเสียงขนาดเล็กก็ทำการรีบกดสวิทซ์เพื่อให้เครื่องอัดเสียงอันจิ๋วนี้ทำงานอย่างต่อเนื่องของมันไปอีกอย่างรวดเร็วเช่นกัน...
* * *
หลังจากได้ยินการปฏิเสธคำชวนของตนจากปากของสาวรุ่นตรงหน้าแล้ว องอาจก็เกิดอาการอึ้งไปชั่วขณะ มีความรู้สึกเหมือนว่าถูกเธอผู้นั้นตบเข้าอย่างจังแบบเต็มๆทั้งๆที่หล่อนยังไม่ได้ทำอะไรเขาแม้ซักนิดเดียว
“ทำไมล่ะแจ่ม ฉันมันเฉิ่มเบ๊อะมากมายนักเหรอ เธอถึงไม่กล้าที่จะควงฉันออกงานคู่กันในคืนนี้น่ะ”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกล้ำเตี้ย เพียงแต่ฉันมีคู่ควงออกงานคืนนี้แล้วเท่านั้น”
แจ่มจันทร์ยักไหล่บอกเรียบๆ
“อะไรกันนี่เธอจะควงคนอื่นออกงานได้ยังไงกัน ก็เธอรับปากกับฉันไว้แล้วน่ะนี่”
องอาจโวยวายทวงสัญญากับเพื่อนหญิงของตนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“นี่ล้ำเตี้ย!”
สาวรุ่นขึ้นเสียงโต้ตอบ
“ตอนที่เธอชวนฉันให้เป็นคู่ควงของเธอไปงานเลี้ยงต้อนรับฤดูหนาวของโรงเรียนในคืนนี้น่ะ จะว่าไปแล้วฉันยังไม่ได้รับปากรับคำอะไรกับเธออย่างเต็มปากเต็มคำเลยนะ ฉันเพียงแค่รับปากว่าเอาไว้ฉันจะให้คำตอบอย่างเป็นมั่นเหมาะอีกทีเท่านั้น...ขอโทษคำพูดของฉันเพียงแค่นั้นเธอก็มาตีขลุมว่าฉันจะไปกะเธอซะแล้วเหรอ นี่มันจะมากไปแล้วนะล้ำเตี้ย”
“แต่เธอก็น่าจะให้โอกาสกะฉันบ้างนะแจ่ม ฉันอุตส่าห์ฝึกกิจกรรมเข้าจังหวะด้านการเต้น
แบบลีลาศอย่างเต็มที่เลยนะนี่ ซึ่งการที่ฉันสามารถฝึกจนสามารถเต้นได้จนคล่องแคล่วก็เพราะมี
แรงบันดาลใจและความมานะจากเธอคนเดียวเลยจริงๆนะที่เป็นแรงกระตุ้น ไม่งั้นคนที่ได้คะแนนเกือบตกกับวิชากิจกรรมเข้าจังหวะทุกครั้งไปเช่นฉันคงไม่สามารถที่จะฝึกจนสำเร็จได้หรอก”
“แล้วไงล่ะ?”
แจ่มจันทร์ลอยหน้าถามอย่างไม่ยินดียินร้าย
“เธอก็ควรให้รางวัลกับความพยายามของฉันบ้างน่ะสิ”
องอาจสรุปง่ายๆเข้าข้างตนเองเต็มที่
“โนเวย์”
สาวรุ่นเชิดหน้าสวนคำ
“เธอตั้งใจฝึกหัดกิจกรรมเข้าจังหวะสำหรับการเต้นลีลาศนี่มันก็ดีอยู่แล้ว ฉันขอชมเชยว่าเธอมีความมุมานะดีเยี่ยม แต่จะมาบังคับอะให้ฉันต้องทำอย่างที่เธอต้องการ ขอร้องอย่ามาขี้ตู่ง่ายๆอย่างงั้น เพราะมันเป็นคนละเรื่องกันเลย!”
“แต่ว่าแจ่มจันทร์ ฉัน...”
แจ่มจันทร์ตัดบท
“ฉันไปก่อนล่ะ โน้นเพื่อนชายของฉันขับรถมารับออกไปหาอะไรกลางวันทานกันแล้ว และเธอถ้าอยากจะชวนฉันไปเป็นคู่ควงออกงานลีลาศคืนนี้ให้ได้ล่ะก็ หารถหยั่งของมาดแมนขับมารับสิแล้วฉันถึงจะยอมไปกะเธอ...แต่ถ้าไม่มีก็ตัวใครตัวมัน ฉันไปก่อนนะคุณองอาจ”
องอาจมองตามการเดินผละจากไปของเพื่อนหญิงของตนเองที่กำลังเดินไปที่เบ๊นซ์สีแดงเลือดนกคันโตที่กำลังเคลื่อนอย่างช้าๆมาจอดตรงถนนด้านหน้าของหอพักซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดที่เด็กวัยรุ่นทั้งหลายของจังหวัดนี้ชอบไปเรียนกันมากนักอย่างพอดี
มองแล้วก็ถอนใจใหญ่ ก่อนที่จะก้มหน้าลงเมื่อหญิงที่เข้าหมายปองเปิดประตูขึ้นไปนั่งเคียงคู่กับหนุ่มรุ่นราวคราวกับเขาที่เป็นคนขับเจ้าพาหนะคันโตรุ่นล่าสุดสีเลือดนกคันนั้น ด้วยท่าทีที่แสดงออกถึงความสุขใจเป็นยิ่งนักจากสายตาที่ตนเองมองอยู่ แล้วแถมก่อนที่เจ้าพาหนะคันหรูจะแล่นออกไปหล่อนยังหันมาโบกมือให้ทำนองจะเยาะเย้ยเขาอยู่ในทีอีกด้วย
“เฮ้อ กูหนอกู อย่าว่าแต่รถเบ็นซ์เลยเก๋งเก่าๆซักคันเราก็ยังไม่มีเสียด้วยซ้ำไป”
หนุ่มรุ่นผู้ถูกเยาะเย้ย งึมงำด้วยความน้อยใจในวาสนาตนเองอยู่ในลำคอ
“และถึงแม้จะขับเป็น ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่แน่ใจว่าจะมีปัญญามีเบ๊นซ์ขับอย่างไอ้ลูกเสี่ยนั่นรึเปล่าก็ยังไม่รู้เล้ย!”
องอาจมองตามจนเจ้าเบ๊นซ์สีแดงเลือดนกผู้มาพรากหญิงสาวที่เขามีความรู้สึกชอบไปต่อหน้าต่อตาด้วยความเจ็บช้ำรวดร้าวเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่จะถอนใจอีกครั้งแล้วเดินคอตกกลับหอพัก
ของตนเองที่พักอยู่ ซึ่งอยู่อีกถนนของโรงเรียนแต่ก็ไม่ถึงกับห่างไกลกันมากนัก อย่างวังเวงหัวใจเป็นอย่างยิ่ง...
* * *
ที่สนามหญ้าใหญ่ด้านหน้าของโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด องอาจกับเพื่อนๆราวสามคนกำลังนั่งรับลมและคอยเมียงมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาแล้วแอบกระซิบกระซาบเล่าสู่กันฟัง ด้วยความคะนองของผู้ชายที่กำลังเป็นหนุ่มรุ่นทั่วๆไป
“ล้ำเตี้ยคืนนี้แกจะควงใครไปลีลาศงานต้อนรับฤดูหนาวของโรงเรียนเราวะ?”
เพื่อนคนหนึ่งซึ่งผมยาวกว่าเพื่อนตั้งกระทู้ถามขึ้นมาลอยๆกับฉายาที่เพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกันมักจะเรียกองอาจว่าล้ำเตี้ยเสมอ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่รูปร่างเตี้ยซักเท่าไรเลย แต่จากร่างกายของเขาที่ค่อนข้างจะหนาและบึ้กไปหน่อยนั่นเองเพื่อนๆ จึงตั้งฉายาให้เช่นนี้มันเลยกลายเป็นคำที่คนที่สนิทมักจะเรียกว่าล้ำเตี้ยทุกครั้งซึ่งเขาก็ไม่คิดอะไรมากกับการเรียกขานนี้
และการที่นักเรียนของโรงเรียนมัธยมแห่งนี้สามารถไว้เส้นผมที่ยาวได้เนื่องมาจากการที่สถานการศึกษาแห่งนี้ ไม่ค่อยเข้มงวดเรื่องของทรงผมของนักเรียนมากนั่นเอง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชั้นมัธยมปลายด้วยแล้ว แทบจะไม่มีการตรวจทรงผมของนักเรียนอะไรกันเลยด้วยซ้ำไป
คนถูกระทู้ถามสั่นหน้าแทนการตอบ
“หมายความว่าไงวะสั่นหน้าหยั่งนี้?”
“ฉันจะไม่ไปน่ะสิ”
“อ้าวทำไมล่ะ?”
“ไม่มีคู่ลีลาศแล้ว”
“แล้วยัยแจ่มจันทร์นั่นล่ะ”
“หมาคาบไปแดกเรียบร้อยแล้วล่ะเว้ย!”
เพื่อนอีกคนซึ่งนั่งอยู่ด้วยกันโพล้งขึ้นมาแทนอย่างอดไม่ได้ หลังจากฟังสองเพื่อนเสวนากันไปได้เพียงแป๊บนึ่งแล้ว
“ใครวะมาบังอาจทำกับเพื่อนของพวกเราได้ขนาดนี้น่ะ”
หนุ่มรุ่นผมยาวคนเดิมเลิกคิ้วถามอย่างสงสัยต่อเนื่อง
“ก็ลูกของเสี่ยเจ้าของโรงหนังชั้นหนึ่งแถวตลาดในตัวเมืองน่ะซีวะ”
คนโพล้งอธิบายสิ่งที่ตนเองพอรู้มาให้เพื่อนที่สงสัยฟัง
“โอ้ อย่างนั้นก็แย่นะสิ ล้ำเตี้ยเพื่อนเราก็เลยไม่มีใครเป็นคู่ควงเพื่อจะไปงานลีลาศครั้งนี้ แกยอมได้ไงวะล้ำเตี้ย ก็เจ้าหล่อนรับปากแล้วไม่ใช่เหรอ...อย่างงี้มันก็ไม่รักษาคำพูดกันชัดๆนี่”
หนุ่มผมยาวอดโมโหแทนเพื่อนไม่ได้
องอาจถอนใจก่อนที่จะแจกแจงให้อีกฝ่ายฟังว่า
“เธอบอกว่าฉันตีขลุมไปเองกับการที่ไปโมเมกับเธอว่า รับปากว่าไปงานคืนนี้กับฉัน”
“อ้าวแล้วเจ้าหล่อนไม่ได้รับปากรับคำกะแกรึไงกันล่ะ?”
“ฉันก็ชักไม่แน่ใจเหมือนกันว่ะเพื่อน?”
เจ้าของฉายาล้ำเตี้ยว่าอย่างลังเลกับความจำของตนเอง
“เพราะจะว่าไปแล้ว วันนั้นก่อนที่จะมาบอกพวกแกน่ะ ฉันจำได้อย่างแม่นยำเลยนะว่า
แจ่มจันทร์รับคำชวนของฉันแล้ว แต่พอฟังเธอบอกเมื่อกลางวันมันก็เลยเกิดความไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน หยั่งว่าฉันอาจฟังผิดคิดเข้าข้างตัวเองมากไปก็เลยตีขลุมหยั่งที่เธอว่าให้จริงๆก็ได้”
“แล้วเจ้าหล่อนไปกะใครล่ะเจ้าล้ำเตี้ย?”
เพื่อนในกลุ่มอีกคนถามบ้าง
“ก็มาดแมนนั่นแหละ”
“รูปหล่อพ่อรวยมีขุนแผนแบบเคลื่อนที่ได้คันโตมีรูปดาวติดอยู่ข้างหน้าขับ”
คนถามเสริมคำบอกขององอาจด้วยน้ำเสียงทึ่งๆปนอิจฉาอยู่ในที
“ถ้าเป็นอย่างนี้ แกก็เสร็จโจรซีวะเจ้าล้ำเตี้ย?”
หนุ่มผมยาวถามอย่างลักษณะปลงๆแทนเพื่อน
“ก็เพราะมันเป็นอย่างนี้นี่แหละ ฉันถึงไม่อยากไปงานเลี้ยงต้อนรับฤดูหนาวของโรงเรียนเราในคืนนี้ไงล่ะ”
องอาจสรุป
“แกกลัวทำใจไม่ได้หรือไงกันน่ะล้ำเตี้ย?”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
ปฏิเสธเสียงเบาๆอยู่ในลำคอ
“เพียงแต่ เกิดความรู้สึกว่าทุกคนที่ไปงานในคืนนี้ต่างก็มีคู่ควงสำหรับออกงานกัน แต่ฉันมันไม่มีคู่หยั่งที่ว่า มันก็เลยคิดสรุปแล้วว่าอยู่บ้านนอนดูโทรทัศน์ดีกว่า”
“ทำไมแกไม่หาคนควงใหม่ล่ะวะ?”
คนผมยาวเสนอความคิดให้
“น่ากลัวจะไม่ทันแล้วล่ะ ฉันว่า...และถึงแม้ว่ามันจะมีฉันก็คงไม่มีใจให้เท่ากับแจ่มจันทร์เธอหรอก”
“รักตรึงใจรึไงวะเพื่อน?”
“ก็ยังไม่ถึงขั้นรักหรอก สำหรับแจ่มจันทร์ตอนนี้ถือว่าเป็นผู้หญิงที่ฉันชอบที่สุดในตอนนี้น่าจะเป็นคำพูดตรงที่สุดมากกว่า”
“ไอ้คนเรามันก็หยั่งงี้แหละวะ”
หนุ่มผมยาวสะบัดผมไปมาราวผู้หญิงแล้วว่าตรงๆ
“ทำไมล่ะบุญเชียร?”
หนุ่มที่ถูกเพื่อนๆเรียกล้ำเตี้ยสงสัย
“ไม่ชอบยอมรับความจริงในใจของตัวเอง และมักจะหาคำพูดสวยๆหรูๆแก้ต่างให้คนอื่นฟังระรื่นรูหูสนับสนุนการกล่าวของตัวเองเสมอ”
บุญเชียรหรือหนุ่มผมยาวแถลงข้อสงสัยให้เพื่อนฟัง
“แต่ฉันไม่ได้พูดแก้ตัวนะเว้ยเพื่อน”
องอาจเถียง ก่อนที่จะอธิบายด้วยน้ำเสียงน้อยใจนิดๆ
“แกก็รู้นิสัยคนอย่างฉันไม่ใช่หรือว่า ปากกะใจของฉันมันตรงกันเสมอ ถ้ารักฉันก็ต้องยอมรับสิ แต่นี่ฉันชอบอย่างมากเฉยๆก็ว่าให้ฟังอย่างตรงๆแล้วยังมาหาว่าแก้ตัวอีกหรือไงกัน”
“เอาน่าเจ้าล้ำเตี้ย ฉันขอโทษ...สรุปว่าฉันเข้าใจแกผิด ชอบเฉยๆก็ชอบเฉยๆสิอย่างที่แกว่า หรือไงวะเจ้าผลดี?”
ท้ายเสียงหันไปขอความคิดเห็นกับเพื่อนอีกคนบ้าง
“ไม่รู้ซีวะ”
ผลดีไม่ตอบคำถามของเพื่อนโดยตรงเนื่องจากสายตาของเขากำลังมองไปยังบริเวณถนนหน้าโรงเรียน ก่อนที่จะเสนอความคิดให้องอาจฟัง
“ฉันว่าแกหาผู้หญิงแทนยัยแจ่มจันทร์สำหรับควงไปงานโรงเรียนคืนนี้ ได้แล้วล่ะเจ้าล้ำเตี้ยเพื่อนรัก”
สี่ตาขององอาจและบุญเชียรหันไปมองตามที่ผลดีมองอยู่ และกำลังพูดเสนอความคิดให้อยู่นี้อย่างพร้อมเพรียงกันเลยทีเดียว...
* * *
“และนั่นเองที่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เพ่งมองเนื้อนางอย่างตั้งใจเต็มตาเป็นครั้งแรก ความจริงแล้วผมก็พอพบเจอหล่อนมาบ้างแล้วเหมือนกันแม้จะไม่ได้อยู่ห้องเรียนเดียวกัน แต่ในการเรียนบางวิชาหลายห้องก็มาเรียนร่วมกันก็มีเช่นกิจกรรมเข้าจังหวะ ที่ผมขอบอกคุณหมออย่างตรงๆเลยนะว่าผมไม่ชอบมันเลย”
“แต่คุณก็เต้นลีลาศค่อนข้างดีไม่ใช่หรือคุณองอาจ?”
คุณหมอกระทู้ถาม
“ก็ตอนที่คุณเล่าในตอนแรกที่ตั้งใจจะควงแจ่มจันทร์ไปออกงานไงล่ะ”
“ใช่ผมพอเต้นลีลาศดี แต่หยั่งที่ว่าผมไม่ชอบมันหรอกแม้ใจตอนนี้ก็ยังไม่มีความรู้สึกที่จะนึกชอบมันเลย”
“ผมเข้าใจครับ”
หมอวัยกลางคนรับคำเสียงขรึม
“เชิญเล่าต่อได้เลยคุณองอาจ”
“ได้ครับคุณหมอ...”
คนที่มาให้คุณหมอช่วยแนะนำรักษา รับคำเรียบๆก่อนที่จะเล่าเรื่องราวแต่หนหลังของตนเองต่อเนื่องอย่างทันที
* * *
เนื้อนางในตอนนั้นเป็นสาววัยรุ่นรูปร่างโปรงผิวขาวอมชมพู ผมยาวสลวยจนผมอดมีความคิดไม่ได้ว่าเส้นผมของหล่อนนั้นน่าจะเป็นนางแบบโฆษณาขายน้ำยาสระผมในจอโทรทัศน์ได้อย่างไม่ยากเย็นเลย...
รายละเอียด
วันวางขาย :
จำนวนหน้า : 850 หน้า
ประเภทไฟล์ : PDF
ขนาดไฟล์ : 215.75 MB
ประเทศ : TH
ภาษา : Thai
จากสำนักพิมพ์ vorapochmonyahoocoth
กำลังโหลด ...