ชีวิตต้องดำรงอยู่โดยมีการรับรู้สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบๆตัว คนและสัตว์มีธรรมชาติในการรับรู้ได้ด้วยขีดจำกัดของตนและแตกต่างกัน แต่ในการเกิดขึ้นของสิ่งใดๆมักมีสิ่งที่ตรงข้ามกันอยู่ด้วยเสมอเพียงแต่จะมีการรับรู้ได้เพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือทางใดทางหนึ่งเท่านั้น เช่น ไม่สุขก็ทุกข์ ไม่ร้อนก็เย็น ไม่มืดก็สว่าง จึงหลงติดอยู่ในทางที่รับรู้ได้นั้นทางเดียว ไม่ว่าจะติดอยู่ในทางใดก็จะเห็นว่าไม่แน่นอน ไม่ถาวรเลย แม้โลกจะมีสิ่งที่ตรงข้ามกันอยู่เสมอแต่ทั้งสองสิ่งก็ไม่มีความแน่นอน ไม่ถาวร จึงเป็นไปได้บ่อยๆว่าเมื่อมีสุขก็กลับมีทุกข์สลับกันได้ มีร้อนก็สลับเป็นเย็นได้ มีมืดก็สลับเป็นสว่างเป็นนิจ หากมองปรากฏการณ์ใดๆที่รับรู้ได้รอบตัวว่ามีสองทางที่คู่กันเสมอเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกันก็จะไม่ประมาทและไม่หลงยึดติดในทางที่รับรู้ได้ และถ้าไม่ติดอยู่ในทางใดเลยคือไม่ติดอยู่กับทางที่รับรู้อยู่ในธรรมชาติการรับรู้ของตนและทางที่ย่อมมีอยู่ตรงข้ามกันเสมอแม้อยู่นอกเหนือการรับรู้อยู่นั้น ก็ย่อมดำเนินอยู่บนทางที่สงบและนิ่งจริงๆ เป็นทางที่มั่นคงกว่าทางใดทางหนึ่งในสองทางที่เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกัน เมื่อไม่ติดอยู่ในสุขและไม่ติดอยู่ในทุกข์ ก็ดำเนินอยู่บนความสงบนิ่งแท้จริง เป็นทางที่มั่นคงได้ ไม่ต้องสลับกลับไปกลับมาระหว่างสุขและทุกข์อีก รวมทั้งในทางต่างๆที่มีสองอย่างตรงข้ามกันเสมอเช่นไม่ติดในร้อนและเย็นก็ไม่ต้องสลับร้อนกับเย็นอยู่อย่างนั้นอีก ไม่ติดอยู่ในความสว่างและความมืดก็ไม่ต้องสลับมืดและสว่างอีก ผู้เขียนหวังที่จะให้มองเห็นทางที่อยู่ตรงกลางระหว่างสองสิ่งที่ตรงข้ามกันเช่นนี้ และมองสิ่งต่างๆอย่างไม่ยึดติดแม้จะรับรู้ได้ในทางใดก็ตาม เพื่อที่จะไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตและไม่หลงมัวเมาอยู่ในทางที่ยึดติด เพราะไม่ว่าจะติดอยู่ในการรับรู้ในทางใดก็ไม่มีความแน่นอน ไม่ถาวร ย่อมสลับไปเป็นทางที่ตรงข้ามกันได้เสมอไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่งและอาจสลับไปมาบ่อยๆ เรื่องเกิดเป็นคู่จึงกล่าวถึงการดำเนินตามทางสายกลางตามคำสอนของพระพุทธเจ้า และแสดงตัวอย่างปรากฏการณ์ต่างๆที่มีสองทางที่ตรงข้ามกันเสมอแม้คนและสัตว์จะรับรู้สิ่งต่างๆได้โดยขีดจำกัดตามธรรมชาติและมักรับรู้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งในระหว่างสองทางที่แตกต่างกัน คือไม่รับรู้ว่าเป็นสุขก็เป็นทุกข์ ไม่ร้อนก็เป็นเย็น ไม่มืดก็คือสว่าง จะทำให้มัวเมาอยู่ในทางที่รับรู้นั้นไปเสียเปล่า ทั้งๆที่ยังมีทางที่ตรงกันข้ามอยู่ด้วยเสมอ ...ช่วยให้ไม่หลงติดในทางใดทางหนึ่งและยังอยู่ระหว่างสิ่งที่แตกต่างได้อย่างสงบนิ่งและมั่นคง เป็นทางที่เป็นสุขได้อย่างแท้จริง เมื่อมองปรากฏการณ์ใดๆด้วยการเห็นความแตกต่างที่คู่กันเสมอก็จะพบทางที่อยู่ตรงกลางได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนค่ะ เกิดเป็นคู่เป็นเรื่องราวที่ช่วยให้พบทางที่อยู่ตรงกลางและเป็นหนทางที่เป็นสุขได้อย่างยั่งยืนแท้จริง