ผู้เขียนรังสรรค์วรรณกรรมนี้จากจิตสำนึกรักวิถีชีวิตบ้านเกิด และนำเสนอในรูปแบบงานย้อนยุคที่ตนเองอ่านแล้วมีความสุข ด้วยความเชื่อว่า ตราบชีวิตยังเดินอยู่บนเส้นทาง ทุกปัจเจกวิถีล้วนคล้ายนวนิยาย ต้องเดินเรื่องตราบสิ้นเส้นสายแห่งชีวิต ทว่าสุดสายปลายทางหาได้สำคัญกว่าระหว่างทางไม่ วรรณกรรมนี้จึงมุ่งเน้นนำเสนอระหว่างทางของปัจเจกวิถีชีวิต “ใต้ร่มมะขามใหญ่ในชายแดนตะวันออก” ทั้งสุข ทุกข์ ต่อสู้ กัดฟันทน ขบกรามไล่น้ำตา ท่ามกลางลมหายใจสงครามราดรดกระหม่อม เนื้อหาในเล่มเน้นย้ำถึงวิถีชีวิตชาวญ้อชายแดนตะวันออกของไทย โดยเฉพาะภาษาอันเป็นเอกลักษณ์ กระบวนการทำมาหากิน พืชพรรณ สรรพสัตว์แห่งท้องนา รวมถึงความเชื่อเฉพาะแห่งตน ด้วยหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์ต่ออนุชนรุ่นหลัง หรือท่านใดก็ตามที่มีโอกาสได้อ่าน คงพอให้หวนระลึกนึกถึงวิถีชีวิตของตน เพื่อทวนกระแสแห่งโลกปัจจุบัน หวนกลับสู่อดีตอันโหยหา มุ่งมั่นหาความสุขในวิถีของตน นอกจากสิ่งอันเป็นระหว่างทางของวิถีดังกล่าวแล้ว ผู้เขียนยังได้พยายามสอดแทรกตราประทับเวลาของงานเพลงในยุคนั้นเข้าไปด้วย เนื่องจากเคยมีคนถามว่า ในหนังสือบางเล่ม ทำไมผู้เขียนจึงใส่เพลงเข้าไปเยอะจัง? จะขอตอบ ณ ที่นี้ว่า เหตุใดจึงมีเพลงอยู่ เพราะเพลงคือศิลปะแห่งกวีผนวกดนตรีที่ผันไปตามยุคสมัย (นิยม) แต่หากผู้เขียนเขียนลงไปด้วยใช้ความทรงจำในยุคระหว่างนำเสนอในเล่มนั้นๆ นำบรรยากาศแห่งความประทับจิตประทับใจจากบทเพลง ซึ่งน่าจะทำให้ผู้อ่าน (แม้กระทั่งผู้เขียน) ได้ย้อนกระแส ค้นหาสู่สิ่งอันทรงคุณค่าเหล่านั้นได้ หรือหากมีข้อสงสัยใคร่ค้นคว้า ก็อาจตามหาฟังบทเพลงและบรรยากาศเหล่านั้นได้ในปัจจุบัน ผ่านยูทู้ปหรือสื่อมัลติมีเดียในโซเชียลเน็ตเวิร์กก็ยังได้ ดังนั้น หากผู้อ่านได้ติดตามลึกลงไป จะรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกและบรรยากาศในงานวรรณกรรมแนวย้อนยุคของผู้เขียนได้อย่างมีอรรถรสมากกว่าการอ่านปกติ อีกประการ คือ การใส่รายละเอียดดังกล่าวนี้ไว้ เพื่อให้เป็นดั่งการประทับตราเวลาแห่งกาลสมัยสู่ผู้อ่านอีกด้วย “ใต้ร่มมะขามใหญ่ในชายแดนตะวันออก” ได้รับเกียรติจากท่านอาจารย์ ดร.ประติมากรณ์ หาแก้ว ผู้มากความสามารถ เป็นทั้งศิลปิน คุณครูและวิศวกร วาดภาพ ประกอบในเล่มทุกตอน รวมทั้งวาดภาพปกให้อีกด้วย นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งแก่ผู้เขียน ทำให้งานวรรณกรรมเล่มนี้มีความพิเศษกว่างานแนวย้อนยุคชายแดนของผู้เขียนเล่มใดๆ ที่ได้นำเสนอไปแล้ว ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงยิ่ง มา ณ ที่นี้ กราบขอบพระคุณพ่อแม่ผู้ให้ชีวิต ขอบพระคุณน้องนาง น้องวิท และน้องคิด รวมถึงผองพี่น้องญ้อทุกท่านที่โลดแล่นอยู่ในเล่ม ขอบพระคุณคุณวิเชียร ขันคำ ผู้พิสูจน์อักษร ทั้งยังคอยเป็นกำลังใจอันเข้มแข็งและสนับสนุนทุนจัดพิมพ์ให้ผู้เขียนเสมอมา ขอบพระคุณคุณชมพู่ แห่งอักษราลัยบุ๊ก ที่กรุณารับดำเนินการจัดทำ ออกแบบรูปเล่มได้อย่างเหมาะเจาะเหมาะสมสวยงาม พร้อมพิสูจน์อักษรเบื้องต้นให้ ทั้งยังเสมือนมิตรสหายผู้เมตตากันเสมอมา ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้อ่านคงได้รับความสุขเช่นเดียวกับผู้เขียน ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เห็นคุณค่า และร่วมแบ่งปันความสุขของผู้เขียนที่ได้ถ่ายทอดเอาไว้นี้ ด้วยจิตคารวะอย่างสูงยิ่ง เชาวลิต ขันคำ